จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562

การเลี้ยงปลาหมอ เลี้ยงง่าย รายได้ดี มีตลาดรองรับ



การเลี้ยงปลาหมอ เลี้ยงง่าย  รายได้ดี มีตลาดรองรับการเลี้ยงปลาหมอ

“ข่อยนี้คือดั่งปลาเข็งข่อน หนองนาน้ำเขินขาด คันแม่นฝนบ่มาหยาดให้ สิตายแล้งแดดเผา เจ้าเอย” ถ้าเว่าถึงปลาที่หาง่าย รสชาติอร่อย หนึ่งในนั้นก็ต้องมีปลาหมอ (ภาษาอีสานเรียกว่า ปลาเข็ง)  การเลี้ยงปลาหมอเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากปลาหมอในธรรมชาติที่ลดน้อยลง ซึ่งสวนทางกับความต้องการที่สูงขึ้น รสชาติที่มีความหอม เนื้อรสหวานและกลมกล่อม จึงทำให้เริ่มมีการเลี้ยงปลาหมอเชิงพานิชย์เกิดขึ้น  การเลี้ยงปลาหมอสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการเลี้ยงปลาหมอในบ่อซีเมนต์ การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน หรือการเลี้ยงปลาหมอในกระชัง โดยเกษตรอีสานวันนี้จะนำหลักการเลี้ยงปลาหมอทั่วไปให้พี่น้องบ้านเฮาได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง เพราะปลาหมอเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย กินง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม
ราคาปลาหมอ
ราคาปลาหมอ
ปลาหมอ
ปลาหมอ
ปลาหมอเป็นปลาเนื้อนุ่ม รสชาติอร่อย ลักษณะลำตัวป้อมค่อนข้างแบน สีน้ำตาลปนเหลืองดำ ถือว่าเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อย เพราะเป็นที่ต้องการในตลาดเพื่อการบริโภคอย่างแพร่หลาย สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งแกง ต้ม ทอด ย่าง  ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงปลาหมอในไทย มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาหมอเพิ่มขึ้นมาหลายสายพันธุ์ เช่น ปลาหมอชุมพร ปลาหมอนา ปลาหมอสี  แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก แต่กลับมีความต้องการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างสูง ทั้งที่ในประเทศก็มีความต้องการมากเช่นกัน ดังนั้น  หากมีการส่งเสริมและพัฒนาความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาหมอให้กับเกษตรกรได้  ก็จะมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและยังทำให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
เมนูปลาหมอทอด
เมนูปลาหมอทอด

การเลือกสถานที่เลี้ยงปลาหมอ

  • ควรเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้
  • อยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อให้แน่ใจว่ามีน้ำเพียงพอตลอดทั้งปี

การเตรียมบ่อเลี้ยงปลาหมอ

เริ่มจากการเตรียมบ่อสำหรับการเลี้ยงปลาหมอ เป็นบ่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 บ่อ ดังต่อไปนี้
  • บ่อสำหรับอนุบาลลูกปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
  • บ่อผสมพันธุ์ปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
  • บ่อสำหรับเลี้ยงปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อพลาสติก
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อพลาสติก
การเลี้ยงปลาหมอในวงบ่อปูนซีเมนต์
การเลี้ยงปลาหมอในวงบ่อปูนซีเมนต์

การคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ

พ่อพันธุ์ ควรมีลักษณะลำตัวยาวว่ายน้ำปราดเปรียว และในการคัดพ่อพันธุ์ให้ทำตอนเช้า หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำก่อนให้อาหาร  พ่อพันธุ์ที่พร้อมการผสมพันธุ์บริเวณปลายหัวจะออกเป็นสีแดง เกล็ดนวลเงา ไม่เป็นแผล
แม่พันธุ์ ควรจะมีขนาดป้อมสั้น ลำตัวมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว การคัดเลือกแม่พันธุ์ปลาหมอนาให้ทำตอนเช้า หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำก่อนให้อาหารแม่พันธุ์ที่พร้อมจะมีลักษณะท้องบวมเป่ง แสดงว่ามีไข่ อวัยวะเพศมีสีแดงชมพูเรื่อ
พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ
พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ

การผสมพันธุ์ปลาหมอนา

ให้ทำการผสมพันธุ์กันในช่วงฤดูฝน คือระหว่างเดือน พ.ค.- ก.ค. ในบ่อผสมพันธุ์ควรใส่น้ำปริมาณความสูง 50-60 เซนติเมตร และหาผักบุ้งใส่ในบ่อด้วย เพื่อเป็นที่กำบังและซ่อนตัวเวลาฟักไข่  นำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอนาอัตราส่วน ปลาหมอตัวเมีย 1 ตัว ต่อ ตัวผู้ 2 ตัว ลงในบ่อ เช่น แม่พันธุ์ 100 ตัว ต่อพ่อพันธุ์ 50 ตัว  แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ผสมพันธุ์กันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากนั้น ให้แยกพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ออกจากลูกปลาหมอที่ยังเป็น ลูกคอก
ปลาหมอโตเต็มวัย
ปลาหมอโตเต็มวัย

การให้อาหารและการอนุบาลลูกปลาหมอ

จัดการน้ำและอาหารธรรมชาติเข้าบ่อและกรองน้ำด้วยมุ้งตาถี่ ระดับน้ำ 50 เซนติเมตร ใช้ปลาป่นผสมรำละเอียดเป็นอาหารในช่วง 3วันแรก เริ่มให้ไข่ พอเริ่มวันที่ 4 ให้ไก่ต้มสุกเอาเฉพาะไข่แดงบดผ่านผ้าขาวบางผสมน้ำสาดทั่วบ่อ และอาหารผงสำเร็จรูปหรือรำละเอียดผสมปลาป่น อัตรา 1 ต่อ 1 หลังจากอนุบาล 3 สัปดาห์ ค่อยๆเพิ่มระดับน้ำเป็น 80 เซนติเมตร
ลูกปลาหมอ
ลูกปลาหมอ
การให้อาหารปลาหมอ
การให้อาหารปลาหมอ

การเปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อเลี้ยงปลาหมอ

ถึงแม้ปลาหมอจะเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพน้ำ แต่ก็ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำเพื่อให้ปลาเจริญเติบโตได้ดี และกินอาหารได้มากขึ้น  โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำในบ่อ เพื่อให้ปลาปรับตัวได้ง่าย และประหยัดน้ำได้มากกว่าเปลี่ยนหมดทั้งบ่อ
การอนุบาลลูกปลาหมอ
การอนุบาลลูกปลาหมอ

ระยะเวลาและการจับปลาหมอ

โดยทั่วไปใช้เวลาเลี้ยง ประมาณ 90-120 วัน ถ้าจำหน่ายเมื่อโตเต็มที่ จะได้ราคาอย่างน้อยกิโลกรัมละ 150 บาท แต่ถ้าเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ลูกปลาขาย  ราคาทั่วไปที่จำหน่ายคือ ตัวละ 1 บาท
การจับปลาหมอเพื่อจำหน่าย
การจับปลาหมอเพื่อจำหน่าย

เลี้ยงหอยขมและกุ้งรวมกันในบ่อปูน ต้นทุนน้อย เลี้ยงกินก็ง่าย เลี้ยงขายรายได้ดี!

เลี้ยงหอยขมและกุ้งรวมกันในบ่อปูน ต้นทุนน้อย เลี้ยงกินก็ง่าย เลี้ยงขายรายได้ดี!



เลี้ยงหอยขมและกุ้งรวมกันในบ่อปูน ต้นทุนน้อย เลี้ยงกินก็ง่าย เลี้ยงขายรายได้ดี!

  ต้องยอมรับว่าค่าครองชีพทุกวันนี้สูงมาก มนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา หากมีรายได้จากเงินเดือนอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในแต่ล่ะเดือน หลายคนจึงเลือกที่จะหารายได้เพิ่ม จากการทำงานพาร์ทไทม์ ขายของออนไลน์ หรือหาทางเพิ่มรายได้จากการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ ขายอาหารหลังเลิกงาน เป็นต้น หากตอนนี้เงินเดือนของคุณยังไม่เหลือเก็บ ใช้เดือนชนเดือนอยู่บ่อยๆ ลองหารายได้เสริมจากการเลี้ยงกุ้งรวมกับหอยขมดูไหม เป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง สามารถเพิ่มรายได้ให้คุณได้ง่ายๆ และไม่ค่อยรบกวนงานประจำของคุณอีกด้วย ปัจจุบันราคากุ้งฝอยในท้องตลาดเริ่มตั้งแต่กิโลกรัมละ 300-400 บาท และหอยขมราคาประมาณ 50-70 บาท  มีวิธีการเลี้ยงอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
เริ่มต้นจากการเตรียมบ่อ
วิธีเตียมบ่อ
เติมน้ำ 3/4 ของบ่อ แล้วใส่หยวกกล้วยสับลงไปแช่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้หยวกกล้วยช่วยกำจัดฤทธิ์ปูน ช่วยปรับค่า PH ในบ่อให้สมดุล พอครบ 1 สัปดาห์ หรือสังเกตว่ามีหนอนแดงเกาะตามขอบบ่อแสดงว่าบ่อพร้อมใช้งาน ให้เก็บหยวกกล้วยออกแล้วใส่ดินลงไป ครึ่งคืบ ใส่น้ำค่อนวง เลี้ยงพืชน้ำ พวกผักตบจอกแหน ซักสองอาทิตย์จะเริ่มมีตะไคร่น้ำเขียวๆเกาะตามขอบวง ปล่อยหอยและกุ้งได้เลย ให้อาหารปลาดุก(ทีละน้อย) ให้เศษผักทีละน้อย ถ้าให้พอดีน้ำจะไม่เน่า
หรืออีกวิธีคือ ใช้น้ําส้มสายชู เติมลงไป ทิ้งไว้ 2-3 วัน แล้วเปลี่ยนน้ําออก แล้วเติมน้ําใหม่เข้า วัดค่า ph ถ้าอยู่ในช่วง 7.5-8.5 ก็ถือว่าใช้ได้
• นำพืชน้ำที่เตรียมไว้ลงไปปลูก โดยพืชน้ำที่จะเป็นที่อาศัยของกุ้งฝอย อย่างสาหร่ายหรือ ผักตบชวาเพื่อช่วยในการปรับสภาพน้ำในบ่อด้วย
•  แล้วปล่อยกุ้งลงไปประมาณ 5 ขีด ต่อ 1 บ่อ ช่วงปล่อยกุ้งลงไปไม่ต้องให้อาหารประมาณ 7 วัน เพื่อให้กุ้งปรับสภาพในบ่อ
อาหารกุ้งฝอย
1.ต้มไข่ให้สุก เอาเฉพาะไข่แดง 2 ฟอง
2.รำอ่อน 3 ขีดผสมให้เข้ากัน ปั้นเท่ากำปั้น โยนลงไปในบ่อประมาณ 3 ก้อน หลังจากให้อาหารประมาณ1 เดือน กุ้งจะวางไข่ให้สังเกตตอนกลางคืนโดยการนำไฟฉายมาส่องดูว่ากุ้งจะวางไข่หรือไม่
เทคนิคการเร่งกุ้งให้วางไข่ ให้นำสายยางน้ำประปามาเปิดลงในบ่อ โดยการเปิดแรงๆ ประมาณ 10-20 นาที เพราะกุ้งชอบเล่นน้ำไหลแล้วจะดีดตัวทำให้ไข่ตกลงมา (ธรรมชาติน้ำนิ่งกุ้งไม่วางไข่) ประมาณ 1-2 เดือน กุ้งก็จะโตเต็มที่ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4 เดือน จะได้กุ้งประมาณ 20-30 กิโลกรัม
สูตรวิธีการช่วยดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคในบ่อ และให้กุ้งโตเร็ว
1.EM 2 ช้อนแกง
2.กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง
3.น้ำ 1 ลิตร
  นำส่วนผสมมาหมักรวมกันตั้งทิ้งไว้ในที่ร่ม 1 อาทิตย์ อัตราส่วนในการใช้ : อีเอ็ม 1 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ใส่บัวรดน้ำราดให้ทั่วบ่อ จะใช้หลังจากที่เติมน้ำลงไปก่อนปล่อยกุ้ง จะช่วยดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคในบ่อ กุ้งโตเร็ว
อาหารสำหรับหอยขม 
ใช้อาหารปลาสูตรสำหรับปลากินพืชทั่วไป นำไปใช้ได้เลย ให้ตามอัตราที่ 2 % ต่อน้ำหนักตัวของหอย โดยลองเอาหอยแต่ละช่วงอายุที่เราเลี้ยง สุ่มเอามาชั่งน้ำหนักดู เช่น ชั่งได้ 1,000 กรัม (หรือ 1กิโลกรัม) จากนั้นก็เอาจำนวนตัวหอยที่ชั่ง มาหารน้ำหนัก ก็จะเป็นน้ำหนักเฉลี่ย หรือน้ำหนักหอย 1 ตัว แล้วค่อยคำนวณหาจำนวนหอยโดยประมาณของหอยทั้งหมดในบ่อ แล้วคูณ ด้วย 2%  ก็จะได้น้ำหนักอาหารที่ควรจะให้กับหอย เพราะเราไม่รู้ว่า ในบ่อนั้นมีหอยเกิดใหม่ หรืออาศัยอยู่หลังจากเราปล่อยลงไปตอนแรกกี่ตัว  ให้ใช้วิธีกะประมาณเอาง่ายที่สุด และไม่ควรให้อาหารน้อยเกินไป เพราะหอยจะไม่อวบ ไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าให้เยอะเกิน ระวังน้ำจะเสียได้ หอยจะชอบกินพวกตะไคร่น้ำ หรือสารอินทรีย์ที่ล่องลอยอยู่ในน้ำได้อยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าเผลอให้อาหารเยอะเกินไป และน้ำในบ่อสะอาดก็เป็นอันใช้ได้
ระยะเวลาการเลี้ยงหอย
ไม่นานเกินรอประมาณ 2 เดือน ได้เริ่มจับขายแน่นอน แต่ต้องทยอยจับ เพราะหอยพวกนี้โตไม่เท่ากัน และมีหลายขนาด พวกมันขยายพันธุ์ได้ดีมาก เพราะในตัวเดียวกันมีสองเพศ พูดง่าย ๆ มันไม่ต้องจับคู่ผัวเมียผสมพันธุ์เหมือนสัตว์อื่นๆ  ผสมในตัวเอง แล้วออกลูกเป็นตัวได้เลย หอย 1 ตัวออกลูกประมาณ 40 - 50 ตัว
 
ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยอีกทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เพิ่มจากงานประจำ ใครที่สนใจก็ลองทำดูนะคะ นอกจากจะเลี้ยงง่ายแล้ว ราคาก็ยังดีอีกด้วย ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อยเลย

ลุยสวนฝรั่งบ้านแพ้ว…อยู่กับฝรั่งเดือนเดียวมีรายได้มากกว่าทำงานบริษัททั้งปี


ลุยสวนฝรั่งบ้านแพ้ว…อยู่กับฝรั่งเดือนเดียวมีรายได้มากกว่าทำงานบริษัททั้งปี
ลุยสวนฝรั่งบ้านแพ้ว ...อยู่กับฝรั่งเดือนเดียวมีรายได้มากกว่าทำงานบริษัททั้งปี

เรื่องจริงไปพิสูจน์มาแล้ว …ความเดิมก็คือว่าได้อ่านข้อเขียนของคุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง จากนิตยสารรักษ์เกษตรได้เขียนเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจู ก็ทำให้เกิดความสนใจ ยิ่งแปลงปลูกอยู่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกไม้ผลหลายชนิด ก็ยิ่งทำให้ต้องรีบไปดูในทันที…อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนก็คือว่า ฝรั่งกิมจูสวนนี้ได้รับรางวัลทั้งชนะเลิศ รองชนะเลิศ ในการประกวดฝรั่งกิมจูงานเกษตรแฟร์ประจำปี 59 สดๆร้อนๆเลยละ
เกษตรก้าวไกลดอทคอม ลุยสวนฝรั่งกิมจู...รางวัลชนะเลิศงานเกษตรแฟร์ 59
เกษตรก้าวไกลดอทคอม ลุยสวนฝรั่งกิมจู…
เธอเป็นใครมาจากไหนและทำไมต้องมาปลูกฝรั่ง? “หลังจากเรียนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก็เข้าทำงานบริษัทในเมืองได้ไม่นานนัก ก็ลาออกมาช่วยพ่อแม่ทำสวน  ซึ่งที่บ้านทำสวนกว่า 30 ไร่ พืชหลักที่ปลูกก็คือมะม่วง แซมด้วยชมพู่ และฝรั่ง แต่หลังจากที่ได้มาลองทำเองก็เห็นได้ว่าพืชที่ปลูกทั้งหมด ฝรั่งน่าสนใจที่สุด เพราะมะม่วงที่ทำมานานนั้นพื้นที่ 30 ไร่ มีรายได้เพียงปีละ 2-3 แสนบาทเท่านั้น เพราะเป็นมะม่วงพันธุ์ทั่วไปที่เน้นขายป้อนตลาดขายส่ง ขณะที่ฝรั่งสามารถให้ผลผลิตเร็ว เพียง 8 เดือนก็จะสามารถตัดลูกชุดแรกได้แล้ว อีกทั้งผลตอบแทนก็สูง จึงตัดสินใจเปลี่ยนพื้นที่สวนที่ปลูกพืชหลายอย่างมาเน้นหนักฝรั่งและปลูกฝรั่งมาตลอด”
ครอบครัวฝรั่งกิมจู
ครอบครัวฝรั่งกิมจู

ฝรั่ง 10 ไร่ ทำเงินล้าน/ต่อปี จึงขยายเป็น 24 ไร่

ชาวสวนหลายคนที่ทำสวนฝรั่งอาจไม่ได้เก็บข้อมูลตัวเลขการลงทุนและรายได้ แต่คุณวราภรณ์เก็บข้อมูลไว้หมด ซึ่งทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนของการทำสวนฝรั่งได้เป็นอย่างดี เธอบอกว่า ฝรั่งเป็นพืชที่ให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว โดยจะมีผลผลิตชุดใหญ่ๆอยู่ประมาณ 3 ชุดต่อปี อย่างชุดตรุษจีนที่ผ่านมาซึ่งเป็นชุดใหญ่ พื้นที่ 10 ไร่ สามารถเก็บเกี่ยวได้มากถึง 44,000 กก. ในช่วงเวลาการเก็บ 5-6 วัน(หมดชุด)ราคาช่วงนั้น 25-35 บาท/กก. ชุดเดียวทำเงินไปเฉียด 1 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยฝรั่ง 10 ไร่จะลงทุนต่อ 1 ชุดเพียงแสนกว่าบาทเท่านั้น
“คิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเป็นชาวสวน เพราะรายได้จากการปลูกฝรั่งเพียงเดือนเดียวมันมากกว่ารายได้ที่ทำงานบริษัททั้งปีซะอีก…สุดท้ายได้ขยายพื้นที่ปลูกฝรั่งถึง 24 ไร่ จากทั้งหมด 30 ไร่ ที่เหลือก็แบ่งไปปลูกพืชอย่างอื่นนิดหน่อย”

วางแผนการผลิตให้ตรงกับช่วงแพง

แปลงปลูกฝรั่งของคุณวราภรณ์จะมีอยู่ 2 แปลง แปลงหนึ่ง 14 ไร่ อีกแปลง 10 ไร่ เธอบอกว่า พืชทุกชนิดจะมีช่วงราคาถูก แพงในรอบปี ฝรั่งก็เช่นเดียวกัน มักจะมีราคาถูกในช่วงหน้าร้อนต่อต้นฝนหรือเดือน มี.ค.-มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลใหญ่ของผลไม้บ้านเรา เป็นที่รู้กันว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุดบุกตลาด เมื่อนั้นผลไม้ชนิดอื่นแทบหมดความสำคัญ และช่วงนั้นจะเป็นช่วงราคาตกต่ำของผลไม้ ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับราคาช่วงนี้ก็หลีกเลี่ยงที่จะให้มีผลผลิตเก็บขายได้ช่วงนี้ ดังนั้นช่วงนี้คุณวราภรณ์จะไม่ห่อผลฝรั่งเลย เพราะว่าราคาฝรั่งจะไม่ไกลไปกว่า 10 บาท/กก. (ราคาหน้าสวน)
ส่วนช่วงที่ฝรั่งมักมีราคาแพงจะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีผลไม้ชนิดไหนออกสู่ตลาดอย่างช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. ช่วงนั้นราคาฝรั่งจะสูงถึง 30-40 บาท/กก. (หน้าสวน) กับอีกช่วงคือ ม.ค.-ก.พ.ซึ่งมีเทศกาลต่างๆมาก การวางแผนจะให้ฝรั่งเก็บได้ช่วงไหนก็นับย้อนไป 5 เดือนแล้วโน้มกิ่งให้ฝรั่งแตกยอดใหม่เพื่อที่จะให้ผลผลิต หรือนับจากห่อผลก็ 3 เดือนสามารถเก็บเกี่ยวได้
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ

เทคนิคการดูแลสวนฝรั่งเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพ

คุณวราภรณ์เล่าถึงการดูแลฝรั่งที่สวนว่า ฝรั่ง 1 ไร่ สามารถปลูกได้ 150-200 ต้น ขึ้นกับสภาพพื้นที่ปลูก และระยะปลูก ที่ปลูกเป็นแบบยกร่อง เนื่องจากเป็นเขตที่ลุ่ม ขนาดร่อง 2 เมตร บนร่องปลูก 2 แถว แบบสลับฟันปลา ระยะปลูกประมาณ 1.5 เมตร ฝรั่งจะเริ่มเก็บได้เมื่ออายุ 8 เดือนหลังปลูก โดยในรอบ 1 ปี จะทำชุดใหญ่ 3 ชุด โดยชุดที่จะมีราคาแพงที่สุดจะเป็นชุดที่เก็บเกี่ยวเดือน ส.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นฝรั่งที่จะต้องโน้มกิ่งในช่วงต้นเดือนมีนาคม การโน้มกิ่งฝรั่งจะทำให้ฝรั่งแตกยอดพร้อมกับออกดอกบนกิ่งที่โน้ม โดยจะโน้มกิ่งให้ราบขนานกับพื้นแล้วผูกมัดกิ่งกับหลักไม้ไผ่ พร้อมกับตัดปลายกิ่งเพื่อหยุดการแตกยอดหรือหยุดการเจริญเติบโตของยอดหรือที่ชาวสวนเรียกการหักยอด หรือขลิบยอด ซึ่งฝรั่งจะติดดกหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับความสมบูรณ์ของต้น
“หลักการของเราคือต้องดูแลให้ฝรั่งมีต้นสมบูรณ์ตลอดทั้งปี โดยหลังจากโน้มกิ่งแล้วจะใส่ปุ๋ย 25-7-7 พื้นที่ 10 ไร่ ใส่ประมาณ 3 กระสอบ หลังจากนั้นอีก 15 วัน ใส่ 16-16-16 อัตราเดิม เมื่อผลโตขนาดเท่าผลส้มจะเปลี่ยนมาใส่ขี้ค้างคาวอัดเม็ดและปุ๋ยอินทรีย์เคมีอัดเม็ดที่มีธาตุอาหารแคลเซียม แมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบ(ไบโอฟีด ของ เคโมคราฟ) ซึ่งจะทำให้ฝรั่งผิวสวย ฝรั่งผิวออกขาว ไม่เขียวและรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู ทางใบพ่นน้ำส้มควันไม้อย่างต่อเนื่องทุก 7-10 วัน เพื่อช่วยในด้านการเจริญเติบโต ความสมบูรณ์ของต้นและยังช่วยป้องกันแมลงอีกด้วย”
    นอกจากนี้จะต้องพ่นแคลเซียม-โบรอนไม่ให้ขาด จะช่วยทั้งเรื่องเพิ่มความสมบูรณ์ของดอก เพิ่มการติดผลดก ขั้วเหนียว ผลกรอบ รสชาติหวาน และช่วงใกล้เก็บเกี่ยวเสริมน้ำตาลทางด่วนเพื่อเพิ่มรสชาติช่วยอีกแรง นอกจากนี้จะมีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อช่วยปรับสภาพโครงสร้างดินเป็นระยะๆ ปีละ 3 ครั้ง การพ่นสารเคมีกำจัดโรค-แมลง จะพ่นหนักหน่อยในช่วงก่อนห่อผล 7 วันหลัง แต่หลังห่อผลแล้วก็จะพ่นห่างหน่อย สารเคมีที่ใช้ก็จะเป็นยาพื้นๆ อย่างคลอร์ไพรีฟอส ไซเปอร์เมทริน เมโทมิล สารกำจัดเชื้อราก็ใช้เพียงแมนโคเซ็บ คาร์เบนดาซิม นอกจากว่าเจอโรค-แมลงที่หนักๆ จึงจะใช้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรรุนแรง ส่วนการให้น้ำจะให้ 2 วันครั้ง ช่วงร้อนๆอย่างนี้จะให้น้ำทุกวัน…
การห่อผลเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นมากๆ “เมื่อผลขนาดเท่าเหรียญ 10 บาท จะห่อผลเพื่อป้องกันแมลงวันทองโดยใช้ถุงพลาสติกที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันแมลงวันทองโดยเฉพาะ แล้วห่อทับด้วยกระดาษอีกชั้นเพื่อให้ผิวสวย…. ฝรั่ง 1 ต้น จะห่อไม่เกิน 100 ลูก ถ้าเลือกไว้ผลมากเกินไป จะทำให้ผลมีขนาดเล็กได้”
เรื่องแรงงานก็เป็นเรื่องสำคัญ เห็นกำลังตัดและคัดฝรั่งอยู่หลายคน “ฝรั่งเป็นพืชที่ต้องใช้แรงงานเยอะอยู่ 3 ช่วง คือ ช่วงโน้มกิ่ง จะหนักหน่อยก็ช่วงห่อ ฝรั่ง 10 ไร่ วันหนึ่งต้องห่อ 7-8 คน และต้องห่อ 2-3 วันจึงจะเสร็จ ถ้าให้เสร็จวันเดียวต้องจ้างมากถึง 20-25 คน และต้องเป็นแรงงานที่มีความชำนาญด้วย อีกช่วงคือ ช่วงเก็บฝรั่งก็ใช้ 4-5 คน”
เอาใจใส่...ดูแลอย่างดี
ฝรั่งที่นี่ดูแลเอาใจใส่อย่างดี

ฝรั่งมีอายุ 5-6 ปี ก็จะรื้อแปลงปลูกใหม่

ฝรั่งที่ปลูกจะมีอายุการเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ 5 ปี ต้นก็จะเริ่มโทรมการให้ผลผลิตก็จะสู้ต้นสาวๆ หรือต้นอายุน้อยๆไม่ได้ ประกอบกับหลายสวนมีปัญหาฝรั่งตายต้นจากไส้เดือนฝอย แต่ที่สวนยังไม่มีปัญหา เราจะต้องปรับปรุงดินให้สมบูรณ์ ร่วนซุย ไม่มีความเป็นกรดมากเกินไปก็จะช่วยลดความรุนแรงของการระบาดลงไปได้
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาจึงทำให้ชาวสวนฝรั่งมักจะรื้อแปลงปลูกใหม่เมื่อฝรั่งอายุ 5-6 ปี จึงทำให้เราเห็นแปลงฝรั่งแปลงใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่ตลอดในพื้นที่เขตนี้
ฝรั่งที่ปลูกใหม่จะใช้กิ่งตอนที่เลือกตอนจากกิ่งกระโดงที่สมบูรณ์ โดยที่สวนของคุณวราภรณ์ได้ทำกิ่งพันธุ์ขายด้วย (แต่ช่วงนี้กิ่งฝรั่งขาดแคลน ต้องสั่งจองล่วงหน้า) ราคากิ่งพันธุ์ที่จำหน่าย 12 บาท/กิ่ง กรณีพื้นที่ปลูก 1 ไร่ ประมาณ 150-200 ต้น ซึ่งลงทุนเพียง 2,000 กว่าบาทต่อไร่ ถือว่าไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับพืชอย่างอื่น อีกทั้งยังมีต้นทุนในการดูแลไม่มาก แต่ผลตอบแทนสูงมาก ชาวสวนเขตนี้จึงยังปักหลักปลูกฝรั่งมาตลอดหลายสิบปี ยิ่งช่วง 4-5 ปีมานี้ราคาฝรั่งดีมาก ทำให้คนที่เคยปลูกพืชอื่นหันมาปลูกฝรั่งกันมากขึ้น และแพร่กระจายไปในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าราคาฝรั่งอาจจะตกลงมาบ้าง
แต่เมื่อสรุปสุดท้ายก็ยังดีกว่าพืชหรือไม้ผลตัวอื่นๆ เพราะฝรั่งยังแปรรูปได้และเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพนั่นเอง
ขอบคุณ : ข้อมูลเดิมจากกลุ่มเกษตรก้าวใหม่ new  โดย Rakkaset Nungruethail (คุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง) บรรณาธิการ นิตยสารรักษ์เกษตร
หมายเหตุ : สวนฝรั่งคุณวราภรณ์ ขุนพิทักษ์ โทร. 087 9981131

มะเฟือง ผลไม้สุขภาพ สร้างรายหลักแสนต่อเดือน

มะเฟือง ผลไม้สุขภาพ สร้างรายหลักแสนต่อเดือน



มะเฟือง ผลไม้สุขภาพ สร้างรายหลักแสนต่อเดือน

มะเฟือง ผลไม้สุขภาพ สร้างรายหลักแสนต่อเดือน

mcotสนับสนุนเนื้อหา
     เกษตรกร อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม หันมาปลูกมะเฟือง หรือสตาร์ฟรุต ผลไม้ที่มีวิตามินหลายชนิด กำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มคนรักสุขภาพ แต่ละเดือนมีพ่อค้าแม่ค้ามาสั่งจองล่วงหน้า
     คนงานในสวนพี่สุรพิณ เร่งเก็บผลมะเฟือง หรือสตาร์ฟรุต ที่สุกได้ขนาด โดยเลือกผลที่มีลักษณะเขียวอมเหลือง ไม่สุกจัดจนเกินไป มะเฟืองสวนนี้เป็นสายพันธุ์มาจากมาเลเซีย พันธุ์บี17 จะให้ลักษณะผลที่ใหญ่กว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม อีกทั้งยังมีรสชาติที่หวานเป็นที่ต้องการของตลาด
     พี่สุรพิณบอกว่า มะเฟืองเป็นผลไม้ที่ดูแลง่าย มีเทคนิคให้ออกผลดกคือต้องปลูกห่างกันต้นละ 3 เมตร พื้นที่ระหว่างต้นต้องรักษาความสะอาดเพื่อป้องกันแมลง รดน้ำเพียงวันละครั้ง เมื่อผลมะเฟืองออกมาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ใช้ถุงพลาสติกห่อป้องกันแมลง ใส่ปุ๋ยชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีทุก 30 วัน ที่สำคัญคือการใช้เกลือช่วยปรับปรุงดิน
     ในทุกเดือนสวนมะเฟืองแห่งนี้จะมีพ่อค้าแม่ค้าติดต่อสั่งจองผลผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ราคาขายหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 -25 บาท ในเนื้อที่ 10 ไร่สามารถสร้างเม็ดเงินได้ถึงหลักแสนบาทต่อเดือน
     ในมะเฟือง 1 ผล อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 1 บี2 ไนอะซีน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันเส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและพลังงาน.



ที่มา : http://money.sanook.com/312103/

บวบงูเงินแสน

บวบงูเงินแสนบวบงูเงินแสน

บวบงูเงินแสน

mcotสนับสนุนเนื้อหา
ชาวบ้านหลายครอบครัวใน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หันมาปลูกบวบงู เป็นทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม โดยมีพ่อค้าคนกลางไปรับซื้อถึงบ้าน ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดี

สองฟากฝั่งริมคลองย่อยแม่น้ำพอง บ้านหนองแสง ต.ท่ากระเสริม เป็นหนึ่งในหมู่บ้านเขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ที่ชาวบ้านปลูกบวบงูเป็นจำนวนมาก ทั้งยึดเป็นอาชีพหลัก และอาชีพเสริม บวบงูมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น บ้างก็ว่า หมากป้องแป้ง หมากโงงิ้วหรือกระดิ่ง เป็นต้น โดยคนนิยมนำไปลวกกินกับน้ำพริก แม่หู้ สมบัติมี ปลูกบวบงูมากว่า 10 ปีแล้ว ราคาต่ำสุดที่เคยประสบคือกิโลกรัมละ 7 บาท
ปัจจุบันพ่อค้ามารับซื้อที่บ้านให้กิโลกรัมละ 10-12 บาท หากปีใดบวบงูขาดตลาดจากปัญหาน้ำท่วม ราคาจะพุ่งสูงกว่าเท่าตัว เคยได้ราคาสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 24 บาท แม่หู้ใช้ที่ดิน 8 ไร่ หมุนเวียนปลูกบวบงูตลอดทั้งปี โดยปลูกครั้งละ 2 ไร่ ลงทุนหมื่นเศษ ขายผลผลิตได้รุ่นละ 50,000-60,000 บาท

จากต้นอ่อนอายุ 4 วัน ลงแปลงปลูกยกร่องไม่ให้น้ำท่วมขัง เถาของมันก็จะแตกยอดเลื้อยเกาะเกี่ยวไปตามค้างอย่างรวดเร็ว เพียงเดือนครึ่งก็ได้เก็บผลผลิตไปจำหน่าย หลังจากนั้นบวบงูจะทยอยออกให้เก็บทุกวันตลอด 2 เดือน พื้นที่ราว 2 ไร่ จะเก็บได้ถึงวันละกว่า 100 กิโลกรัมเดือนที่ 3 ใกล้หมดรุ่น จึงได้เก็บแบบวันเว้นวัน เกษตรกรรายนี้พอใจอย่างมากที่มีเงินเข้ากระเป๋าทุกวัน วันละกว่า 1,000 บาท ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ดีกว่าพืชผักหลายชนิด
ทุกอย่างล้วนมีอุปสรรค หากบวบงูรุ่นใดถูกศัตรูพืชโจมตีหนัก แล้วเกษตรกรดูแลไม่ดีพอก็มีสิทธิ์ขาดทุนได้เช่นกัน บวบงูต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกช่วงการเจริญเติบโตเพื่อความสมบูรณ์ นำมาสู่ดอกผลตอบแทนเกษตรกรอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย


ที่มา : http://money.sanook.com/313877/